อันดับภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีความต้องการมากที่สุดในเทคโนโลยีด้านธนาคาร

Working on project

เป็นเรื่องยากที่นักพัฒนาโปรแกรมด้านธนาคารจะใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งแค่เพียงภาษาเดียวในการทำงาน ในปัจจุบัน ตลาดมีความต้องการนักพัฒนาที่มีความรู้แบบ ‘ครบวงจร’ (full-stack) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีทักษะด้านการใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งได้หลากหลาย ไม่เพียงแค่นั้น ฝ่ายบุคคลของบริษัทเอง ก่อนที่จะส่งเรซูเม่ของผู้สมัครไปให้กับนายจ้าง ก็มักจะสแกนหาคนที่มีทักษะที่เฉพาะเจาะจงหนึ่งหรือสองทักษะขึ้นไป

ตลอดสามปีที่ผ่านมา พวกเราได้เรียบเรียงข้อมูลในฐานข้อมูล 12 เดือนล่าสุดของพวกเราเพื่อค้นหาว่าภาษาโปรแกรมมิ่งใดที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในเว็บไซต์ของพวกเราทั้งจากโพสของผู้ว่าจ้างและโพสของผู้สมัครงาน ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้รู้ว่าทักษะไหนคือทักษะเทคโนโลยีด้านการธนาคารที่ตลาดมีความต้องการมากที่สุด และยังเปิดเผยถึงทักษะที่มีการแข่งขันกันในตลาดมากที่สุดอีกด้วย

ในปีนี้ จะเห็นว่าที่ธนาคารหลายๆแห่งต้องการคนที่มีฝีมือและทักษะ และในขณะเดียวกัน ตลาดเองก็เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และเป็นเหตุการเช่นนี้ก็เป็นแบบเดียวกันเมื่อลองเปรียบเทียบระหว่างปี 2017 กับปีก่อนๆ แม้ว่าจะมีอาชีพที่หลากหลายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งในอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ด้านภาษาทางโปรแกรมมิ่งก็เพิ่มมากขึ้นไม่ต่างกัน และนั่นอาจเป็นเพราะในปัจจุบัน ธนาคารกำลังจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสและนักเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรมอื่นๆมากกว่าปีก่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น ในสัปดาห์นี้ บริษัท J.P. Morgan เปิดเผยว่าพนักงานอาวุโสด้านเทคโนโลยีในบริษัทของตนกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ได้ถูกทาบทามให้ไปทำงานในบริษัทของธนาคารคู่แข่งแทน

ผลที่ได้ก็คือ ทักษะโปรแกรมหลายทักษะได้รับความนิยมจากตลาดเป็นพิเศษ และรายชื่อต่อไปนี้คือภาษาโปรแกรมมิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสายงานด้านการเงิน ณ ขณะนี้

C++ : ผู้สมัครงาน 15.5 คน ต่องานทั้งหมด

เป็นที่น่าแปลกใจเล็กน้อยที่ผู้เชี่ยวชาญภาษา C++ มีตำแหน่งที่ดีในวงการการทำงานด้านการเงิน หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นภาษาที่เก่ากว่าภาษาอื่นๆ แต่เพราะการเป็นภาษาเก่านั่นแหละที่ทำให้ทักษะภาษานี้เป็นที่ต้องการของตลาด ณ ปัจจุบัน ภาษา C++ ยังคงเป็นกระดูกสันหลังของระบบเก่าแก่ที่ใช้ต่อกันมาอย่างยาวนานของหลายๆธนาคาร แต่โปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่กลับไม่ค่อยรู้จักกับภาษานี้เท่าไหร่นัก ภาษา C++ ยังคงทำงานได้ดีในแง่ของการแลกเปลี่ยนที่ใช้ความเร็วสูงรวมถึงความต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลอีกด้วย

ดังนั้นนักพัฒนาโปรแกรมที่ใช้ภาษา C++ จึงรู้ว่าทักษะภาษานี้สร้างประโยชน์ได้มากกว่าที่พวกเขาคิดหลายปีที่ผ่านมา

Python : ผู้สมัครงาน 26 คน ต่องานทั้งหมด

ภาษา Python เป็นภาษาที่หลักๆแล้วใช้ทำงานในด้าน การกำหนดราคา การจัดการความเสี่ยง และแพลตฟอร์มการจัดการการค้า ภาษา Python ได้กลายไปเป็นหนึ่งในภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนและกองทุนป้องกันความเสี่ยงแทนที่ภาษา Java ในหลายๆด้านแล้ว จำนวนงานที่ต้องการทักษะด้านภาษา Python มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัวเมื่อเทียบจากระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ตัวเลขความต้องการผู้มีทักษะขยับจาก 270 ขึ้นไปจนถึง 800 กว่าๆ และในขณะเดียวกันตัวเลขจำนวนผู้สมัครที่มีประสบการณ์และการใช้ทักษะภาษา Python ก็ได้พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลานั้นไม่ต่างกัน

ครั้งล่าสุดที่เราทำงานวิจัยนี้คือในเดือนธันวาคมปี 2016 ภาษา Python มีจำนวนผู้สมัครเพียง 14 คนสำหรับทุกงาน แต่ในตอนนี้มีผู้สมัคร 24 คน ในตอนนั้นมีคนบอกว่าอุปทานไม่ได้มีเท่าความต้องการ แต่ขณะนี้งานต่างๆได้เพิ่มระดับสกิลมากขึ้น ดังนั้นจำนวนผู้มีทักษะภาษา Python ที่มีเปอร์เซนต์มากขึ้นจึงไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ต้องแข่งขันแต่อย่างใด

Gina Schiller กรรมการผู้จัดการ บริษัท Jay Gaines & Company ในนิวยอร์ก กล่าวว่า Python เหมาะสำหรับการสร้างเครื่องมือวิเคราะห์และแบบจำลองเชิงตัวเลข ความสามารถในการสร้างแบบจำลองที่เป็นเอกลักษณ์นี้เองที่ทำให้นักวิเคราะห์ นักลงทุน และนักวิจัยเห็นว่า Python เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในขอบเขตของตัวเอง จะว่าไปแล้ว Citigroup เองก็เพิ่งเริ่มให้บริการชั้นเรียนการเขียนโปรแกรม Python ให้แก่นักวิเคราะห์และนักการธนาคาร และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการศึกษาต่อเนื่อง ความคิดนี้ไม่ได้มาจากธนาคาร แต่มาจากตัวพนักงานเองที่ให้ความสนใจ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่เราจะหาข้อมูลภาษา R จากฐานข้อมูล แต่ก็พบว่า ภาษา R มักใช้ร่วมกับ Python และดูจะเป็นที่นิยมมากแม้ว่าจะไม่ค่อยแพร่หลายซักเท่าไหร่ กองทุนการค้าที่มีการเทรดแบบ High Frequency/low latency ใช้ภาษา R เพื่อคำนวณทางสถิติเพื่อใช้การจำลองและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ หากต้องการสแกนหาโพสต์งานให้ได้รวดเร็ว มักจะต้องเป็นโพสต์ที่บอกทักษะภาษา Python ควบคู่ไปกับภาษา R

Java : ผู้สมัครงาน 29.8 คน ต่องานทั้งหมด

Java แตกต่างจากภาษา Python และ C++ จำนวนงานที่ต้องใช้ภาษา Java นั้นลดลงในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาจาก 460 งานเป็น 346 งาน แม้ว่าธนาคารจะให้ความสำคัญกับการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จากเดิมที่ธนาคารจะลงทุนไปกับภาษา Java ก็หันไปลงทุนกับภาษา Python และภาษา R ซึ่งใช้ทำงานได้เร็วกว่ามีความยืดหยุ่นมากกว่าและใช้งานง่ายสำหรับโครงการปัจจุบัน และเนื่องจาก Java ได้รับความนิยมในไม่กี่ปีที่ผ่านมา Java จึงมีจำนวนคนที่มีทักษะในภาษานี้จำนวนมาก

C # : ผู้สมัครงาน 37.6 คน ต่องานทั้งหมด

Christian Glover Wilson รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีและกลยุทธ์ของ Tigerspike กล่าวว่าภาษา C# ก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ได้รับความนิยมในจำนวนที่ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันเกิดความนิยมใหม่ใน trading landscape แต่ถึงอย่างนั้น C# ก็ยังคงถูกใช้ในงานด้านการวิเคราะห์เชิงสถิติและงานแบบ low latency อยู่ ข้อดีหนึ่งข้อของภาษา C# คือ ตลาดไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญภาษา C# มากมายนัก จึงทดแทนความต้องการของตลาดไม่ได้ทั้งหมด

Matlab : ผู้สมัครงาน 106 คน ต่องานทั้งหมด

ใช้สำหรับการวิจัยเชิงปริมาณเป็นหลัก Matlab ยังถูกแซงโดยภาษา R อีกด้วย มีงานเพียงประมาณ 150 ตำแหน่งที่ต้องการผู้สมัครที่มีทักษะภาษา Matlab แต่ผู้สมัครที่มีทักษะนี้กลับมีจำนวนหลายพันคน

ห้ามพลาด!!

คอร์ส FINANCIAL ENGINEERING BOOTCAMP ที่จบมาสร้างระบบเทรดหุ้นได้จริง
“Boothcamp สำหรับคลาส Financial Engineering ครั้งแรกในเมืองไทย ใครอยากรู้เรื่อง Quant ที่ผู้เรียนจะได้ คำแนะนำวินัยการลงทุนที่เคร่งครัด, ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอหลายจอ เพื่อดูหุ้นหลายตัวให้เหมื่อย และ การกระจายความเสี่ยง จากการเลือกลงทุนได้หลายกลยุทธ์

รายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครที่นี่

หลักสูตรนี้เรียนกันทั้งหมด 10 ครั้ง รวม 30 ชั่วโมง จบมาทำงานได้จริง!!! สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ LEAN upskill